ไฟไหม้ของออสเตรเลียได้เผาแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่ถูกคุกคามถึง 100 ชนิด

จนถึงสัปดาห์ที่แล้วนกกระตั้วสีดำมันวาวเกาะ Kangaroo เป็นหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จด้านการอนุรักษ์ของออสเตรเลีย ต้องขอบคุณโครงการฟื้นฟูที่เริ่มขึ้นในปี 2538 ทำให้ประชากรในป่าเพิ่มขึ้นจาก 150 เป็น 400 ตัวและสถานะของมันก็ลดระดับลงจากที่ใกล้สูญพันธุ์เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวสยองขวัญที่ตีแผ่ไฟได้โหมกระหน่ำไปทั่วเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของเกาะ Kangaroo Island ซึ่งเป็นเกาะขนาด 4,400 ตารางกิโลเมตรนอกชายฝั่งรัฐเซาท์ออสเตรเลียทำลายที่อยู่อาศัยของนกส่วนใหญ่ ไม่ชัดเจนว่านกกระตั้วสีดำมันวาว (Calyptorhynchus lathami halmaturinus) มีชีวิตรอดกี่ตัว สำหรับผู้ที่รอดพ้นจากเปลวไฟอาหารอาจหายาก มันกินเมล็ดของต้นไม้ชนิดเดียวในถิ่นที่อยู่ของมันเธอหลบตา
 
 
หลายปีของการทำงานหนักอยู่ในกลุ่มควันและ“ นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับทีมกู้คืน” Daniella Teixeira นักชีววิทยาด้านการอนุรักษ์จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ในบริสเบนประเทศออสเตรเลียกล่าวซึ่งได้ศึกษาและทำงานเพื่อปกป้องนก สี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าประชากรเพียงหนึ่งในสี่จะถูกฆ่าตาย แต่สัตว์ชนิดย่อยอาจกลับมาอยู่ในรายชื่อที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งเธอกล่าว เรื่องราวที่คล้ายกันกำลังเล่นไปทั่วออสเตรเลียเมื่อวันที่ 12 มกราคมไฟป่าหลายเดือนได้เผาผลาญพื้นที่เกือบ 11 ล้านเฮกตาร์ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่กว่าประเทศกัวเตมาลา บ้านเรือนมากกว่า 2,200 หลังคาเรือนถูกไฟไหม้และมีผู้เสียชีวิต 29 คนและยังเหลือฤดูไฟป่าอีก 2 เดือน แล้วค่าผ่านทางของสัตว์และพืชซึ่งหลายชนิดมีวิวัฒนาการที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นโรคเฉพาะถิ่นของทวีปนั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ นับเป็นภัยพิบัติทางระบบนิเวศที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของประเทศ คริสโตเฟอร์ดิกแมนนักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่าสัตว์มากกว่า 1 พันล้านตัวถูกฆ่าตาย การประมาณการดังกล่าวได้รับการคาดการณ์โดยอ้างอิงจากการคำนวณก่อนหน้านี้ของจำนวนสัตว์ออสเตรเลียที่สูญหายไปในพื้นที่ที่กำหนดเนื่องจากการปฏิบัติในการเคลียร์ที่ดิน อย่างไรก็ตามจำนวนที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มากเนื่องจากการประมาณนี้ไม่รวมค้างคาวกบหรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง “ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังคิดเป็นร้อยละ 95 ของสายพันธุ์สัตว์และมวลชีวภาพของสัตว์ส่วนใหญ่” ไมค์ลีนักชีววิทยาจากพิพิธภัณฑ์เซาท์ออสเตรเลียในแอดิเลดกล่าว ดังนั้นการสูญเสียสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงอย่างเดียวอาจนับเป็นล้านล้าน เขากลัวสายพันธุ์ต่างๆรวมถึงผีเสื้อนกริชมอนด์ที่เปราะบาง (Ornithoptera richmondia) และแมงมุมนกยูงจำนวนมากซึ่งเป็น“ อัญมณีแห่งโลกแมง” ซึ่งถิ่นที่อยู่ทางตะวันออกของออสเตรเลียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ความรุนแรงสูงสุดของการยิงและความเร็วที่พวกเขาเคลื่อนที่ไป - พุ่งไปข้างหน้าในบางกรณีด้วยลมที่สูงถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง - ยังเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตด้วย เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตที่ผูกกับต้นไม้เป็นส่วนใหญ่เช่นโคอาล่าและกระเป๋าสะพายที่บินโฉบไปมาที่เรียกว่าเครื่องร่อนที่มีขนาดใหญ่กว่าจึงมีโอกาสหลบหนีเพียงเล็กน้อย (SN: 7/2/18) แม้แต่นกหลายชนิดที่บินหนีไปได้ก็ยังสับสนเพราะควันและลมแรงและถูกฆ่า แหล่งที่อยู่อาศัยจำนวนมากถูกทำลายเช่นกันทำให้เกิดวิกฤตที่จะดำเนินต่อไปอีกนานหลังจากไฟไหม้ตายลง แม้ว่าสัตว์เช่นกระเป๋าขนาดเล็กจะรอดชีวิตจากไฟไหม้ได้ แต่ก็อาจไม่มีที่อยู่อาศัยหรืออาหารที่เหมาะสมเหลืออยู่และพวกมันยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากแมวและสุนัขจิ้งจอกแนะนำสัตว์นักล่าที่กลับไปสู่ภูมิประเทศที่ถูกไฟไหม้และเหยื่อผู้รอดชีวิตที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในที่อยู่อาศัยโดยไม่มีสิ่งปกคลุม สำหรับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์มักปรับตัวตามซอกนิเวศวิทยาที่เฉพาะเจาะจงและแขวนอยู่ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหลืออยู่กระจัดกระจายการทำลายล้างจากไฟคุกคามที่จะผลักดันพวกมันไปสู่ ​​- หรืออดีต - ขอบของการสูญพันธุ์ นกกระตั้วสีดำมันวาวเป็นเพียงหนึ่งในพืชหรือสัตว์ที่ถูกคุกคาม 20 ถึง 100 ชนิดที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์รายงานว่าได้สูญเสียที่อยู่อาศัยไปจากกองไฟมากที่สุดหากไม่ใช่ทั้งหมด นักชีววิทยาชั้นนำของออสเตรเลีย 6 คนรวมถึง Dickman ได้ตีพิมพ์การประมาณการขนาดของความเสียหายเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มกราคมใน The Conversation ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ออนไลน์ที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่เผยแพร่ความเห็นจากนักวิจัย “ สัตว์บางตัวอาจโชคดีพอที่จะหาที่หลบภัยและมีชีวิตรอด” Euan Ritchie นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยดีกินในเมลเบิร์นกล่าว “ อาจไม่ใช่กรณีที่สัตว์ถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในที่อยู่อาศัยเหล่านี้อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากขนาดและความรุนแรงของไฟเหล่านี้ [ในออสเตรเลีย] จึงไม่มีคำถามว่าแม้แต่สายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไปและไม่ใช่แค่สัตว์ที่ถูกคุกคามเท่านั้น ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก”